ชาว Linee คะ ในการดูแลสุขภาพช่องปาก เรามักให้ความสำคัญกับการดูแลให้ฟันขาวแข็งแรง และเหงือกสุขภาพดี แต่บางครั้งก็ลืมดูแลอวัยวะอื่นในช่องปาก เช่น ที่เป็นส่วนสำคัญในการรับรสชาติ และใช้เป็นส่วนหนึ่งในการออกเสียงเพี่อจะพูดคุยสื่อสารกับคนอื่น และรู้หรือไม่ว่าอาการ ลิ้นเป็นฝ้า ที่เราเป็นกันบ่อยๆ อาจไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะฝ้าขาวบนลิ้นคือการสะสมของเชื้อโรค ที่หากดูแลไม่ดี อาจนำพาโรคมาได้ แล้วลิ้นเป็นฝ้าจะส่งผลเสียอย่างไรต่อพวกเรา และป้องกันได้หรือไม่ ตามไปอ่านคำตอบกันเลยค่ะ
“ลิ้นเป็นฝ้า” คืออะไร ?
ลิ้นเป็นฝ้า (White Tongue) คืออาการหนึ่งที่เกิดขึ้นกับลิ้น โดยมีสาเหตุเบื้องต้นมาจากการมีเชื้อแบคทีเรียสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อรวมกับเซลล์ที่ตายแล้วบนลิ้นจึงทำให้เกิดฝ้าขาวขึ้น โดยมากไม่ใช่อาการเรื้อรัง แต่เป็นอาการที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวในระยะสั้น ๆ ที่อาการบรรเทา หรือหายไปได้เมื่อทำการแปรงลิ้น และดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม แต่หากอาการลิ้นเป็นฝ้าเกิดนขึ้นต่อเนื่อง เรื้อรัง อาจเป็นไปได้ว่า อาการลิ้นเป็นฝ้านั้นไม่ได้เกิดจากการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย แต่มีสาเหตุอื่นที่ส่งผลต่อสุขภาพก็เป็นได้
“ลิ้นเป็นฝ้า” เกิดขึ้นจากสาเหตุอะไรบ้าง ?
1.เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่สะสมอยู่เป็นจำนวนมากที่ผิวลิ้นจนทำให้เกิดลิ้นเป็นฝ้า ปล่อยทิ้งไว้ก็จะยิ่งหนาเป็นปื้นมากขึ้น และก่อให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ในสุขภาพช่องปากตามมา ซึ่งการที่เชื้อแบคทีเรียสะสมจำนวนมากก็เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น อาการปากแห้งจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอ และการหายใจทางปาก หรือ ทำความสะอาดช่องปากไม่เพียงพอ และไม่เคยทำความสะอาดลิ้น เป็นต้น
2.เกิดจากเชื้อราภายในช่องปาก (Oral Thrush) ที่มีสาเหตุมาจาก แคนดิดา ยีนส์ (Candida Yeast) ที่ส่งผลทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อ เชื้อรานี่จะทำให้รู้สึกแสบร้อนในช่องปาก และเกิดขุยสีขาวที่ลิ้น มักเกิดนขึ้นกับผู้สูงอายุที่ใส่ฟันปลอม ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) และคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ
- มีคราบอาหารตกค้างอยู่ในช่องปาก เช่น คราบนมติดบนลิ้นจนเป็นปื้นขาว และช่องปากขาดการดูแล จนเกิดฟันผุ และคราบหินปูน จนทำให้ลิ้นเป็นฝ้า
4.การสูบบุหรี่ ทำให้ช่องปากมีความผิดปกติได้โดยง่าย เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และจุลินทรีย์ ทำให้ลิ้นเป็นฝ้าขาวได้ง่าย
5.การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ทำให้ลิ้นเป็นฝ้าขาวได้ง่าย และภายในช่องปากอ่อนแอ
- เป็นผลสืบเนื่องจากการเป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
- ผลจากการรับประทานอาหารนิ่ม ละเอียด มากเกินไปแล้วไม่ได้ทำความสะอาดลิ้น
- เกิดการระคายเคืองในช่องปากจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น แบร็กเก็ต (Bracket) เครื่องมือจัดฟันในช่อง
ลักษณะ “ลิ้นเป็นฝ้า” พาให้เกิดโรคอะไรได้บ้าง
อาการลิ้นเป็นฝ้าถ้ามองผิวเผินอาจไม่ต่างกัน แต่ความจริงแล้วลิ้นเป็นฝ้าอาจมีอาการอื่น ๆ แฝงอยู่ และเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ซึ่งอาจนำไปสู่การเป็นโรคต่าง ๆ ได้ดังนี้
- ลิ้นมีลักษณะเป็นฝ้าขาว รวมทั้งมีคราบสีขาวเล็ก ๆ เกิดขึ้นที่กระพุ้งแก้ม เกิดจากโปรตีนเคอราตินที่เกิดขึ้นจำนวนมากในช่องปาก เป็นผลจากการสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ปริมาณมาก เมื่อเกิดฝ้าขาวเป็นปื้นหนาบนลิ้น จะเรียกว่า โรคฝ้าขาว (Leukoplakia) ไม่เป็นอันตรายมาก แต่ทำถ้าเป็นนาน ๆ โดยไม่ได้ดูแลจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งช่องปากได้
- เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ อาจทำให้เกิด โรคไลเคนพลานัส (Oral Lichen Planus) ในช่องปากได้ โดยในระยะเริ่มเป็นจะไม่รู้สึกอะไร นอกจากลิ้นมีฝ้าขาว แต่เมื่อมีอาการมากขึ้น จะทำให้รู้สึกว่าในช่องปากเกิดอาการแสบร้อนไม่ปกติขึ้น รู้สึกว่าเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้มระคายเคือง และเหงือกเจ็บระบมไม่ปกติ
- ปกติที่ลิ้นคนเราจะมีปุ่มรับรส (Papillae) สีชมพูอมขาวเล็ก ๆ อยู่ แต่เมื่อไหร่ที่ปุ่มรับรสที่ปกคลุมลิ้นหายไปกลายเป็นพื้นลิ้นเรียบ ๆ มีฝ้าขาว และบางส่วนมีร่อง เป็นรอยสีแดงขอบนูนเกิดขึ้นคล้ายแผนที่ คืออาการของ ลิ้นลายแผนที่ (Geographic Tongue) ที่ไม่เป็นอันตราย ไม่เกี่ยวกับมะเร็งช่องปาก และยังไม่สามารถหาสาเหตุแน่ชัดได้ แต่มีการวิจัยพบว่า การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องแอลกอฮอลล์ ทานอาหารรสจัด ใช้น้ำยาบ้วนปากฤทธิ์แรงอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้
- เมื่อลิ้นเป็นฝ้าขาวร่วมกับการเกิดแผลเล็ก ๆ หลายแห่งบนลิ้น อาจเกิดจากการเป็น โรคซิฟิลิส (Syphilis) ที่มีสาเหตุจากการทำออรัลเซ็กซ์ให้ผู้ที่มีเชื้อซิฟิลิส โดยในระยะแรกแผลเล็ก ๆ บนลิ้นจะไม่ทำให้เจ็บ แต่เป็นแผลที่แสดงถึงอาการติดเชื้อ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา
- ลักษณะของลิ้นที่อันตรายที่สุดคือ การที่เซลล์สแควมัสชนิดผอมแบน (Squamous Cells) มาปรากฎบนลิ้น ทำให้มีความผิดปกติบนลิ้น เช่น มีคราบขาวบนลิ้น ใต้ลิ้น บนเหงือก และเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ ในช่องปาก ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็น มะเร็งช่องปาก (Oral Cancer) ได้
การรักษาอาการ “ลิ้นเป็นฝ้า” มีวิธีดังต่อไปนี้
- อาการลิ้นเป็นฝ้าโดยทั่วไป หรือแม้แต่มีอาการลิ้นเป็นลายแผนที่ จะหายได้เองเมื่อทำความสะอาดลิ้นสม่ำเสมอ
- ถ้าลิ้นเป็นฝ้าที่ไม่ปกติ อาจต้องรู้สาเหตุ แล้วรักษาตามวิธีการที่ต่างกันไป ดังนี้
- ถ้าลิ้นเป็นฝ้าจากเชื้อรา แพทย์อาจให้ยาต้านเชื้อราเพื่อทำการรักษา ซึ่งไม่เกิน 2 สัปดาห์ อาการก็จะบรรเทาลง
- อาการลิ้นเป็นฝ้าจากโรคฝ้าขาวที่แพทย์วินิจฉัยว่ารุนแรงกว่าปกติ แพทย์อาจให้ใช้วิธีการผ่าตัดเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ซึ่งการผ่าตัดลิ้นนี้มีหลายวิธี เช่น การใช้เลเซอร์ การจี้เย็น (Cryotherapy) และการใช้มีดผ่าตัด
- ถ้าลิ้นเป็นฝ้าจากโรคไลเคนพลานัสในช่องปาก อาการน้อยไม่จำเป็นต้องรักษา แต่ให้ดูแลสุขภาพร่างกาย และช่องปากให้ดี หรือถ้าต้องรักษาเบื้องต้น แพทย์จะให้ผู้ป่วยใช้น้ำยาบ้วนปากที่เหมาะสม กับการใช้ยาพ่นช่องปากชนิดมีสเตียรอยด์ หรืออาจเป็นยาเม็ดสเตียรอยด์แบบละลายน้ำได้สำหรับบ้วนปาก
- ถ้าลิ้นเป็นฝ้าจากโรคซิฟิลิสแพทย์มักใช้ยาเพนิซิลินในการรักษา
- กรณีแพทย์ระบุว่าเป็นโรคมะเร็งช่องปาก มักต้องรักษาด้วยการใช้เคมีบำบัด ฉายแสง หรือผ่าตัด ตามแต่แพทย์จะวินิจฉัย
“ลิ้นเป็นฝ้า” ป้องกันอย่างไรดี ?
เราสามารถป้องกันอาการลิ้นเป็นฝ้าได้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ในช่องปากได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธี และสม่ำเสมอ ด้วยการแปรงฟันอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน ใช้ไหมขัดฟัน อย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดการสะสมเชื้อโรคในช่องปาก
- บ้วนปากเป็นประจำด้วยน้ำสะอาดหลังรับประทานอาหาร และใช้น้ำเกลือหรือน้ำยาบ้วนปาก (ที่ไม่มีฤทธิ์รุนแรงเกินไป) และมีสรรพคุณที่ดี เช่น น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมจากเกลือ สะระแหน่ ดอกคาโมมายล์ ที่ช่วยลดอาการลิ้นเป็นฝ้าได้
- แปรงลิ้นด้วยแปรงสีฟันขนนุ่ม หรืออุปกรณ์ทำความสะอาดลิ้นที่สะอาด
- ในผู้สูงอายุที่ใส่ฟันปลอม ต้องหมั่นทำความสะอาดช่องปาก และฟันปลอมทุกวัน
- ดื่มน้ำให้พอเพียง จะได้ไม่เกิดภาวะขาดน้ำที่ทำให้เกิดอาการปากแห้ง และลิ้นเป็นฝ้า
- รับประทานอาหารประเภทแป้งที่ใส่ยีสต์ เช่น ขนมปัง และอารหารที่มีน้ำตาลสูง อย่างระมัดระวัง
- กรณีลิ้นเป็นฝ้าขาวร่วมกับมีแผลเล็ก ๆ บนลิ้นเนื่องจากโรคซิฟิลิส สามารถป้องกันได้โดยการใส่ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ หรือมีออรัลเซ็กซ์
- ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ช่วยลดความเสี่ยงการที่ลิ้นเป็นฝ้า และความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็งช่องปาก
- เลิกสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่ทำให้เกิดลิ้นเป็นฝ้าขาว และโรคในช่องปากทุกอย่างรวมทั้งมะเร็งช่องปาก
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปาก เช่น ผัก ผลไม้ ที่อุดมไปด้วยวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งช่องปาก
- ไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำทุก 6 เดือน
การดูแลสุขภาพช่องปากอย่างเหมาะสมคือหัวใจหลักของการป้องกันการเกิด “ลิ้นเป็นฝ้า” ซึ่งหากปฏิบัติตาม นอกจากชาว Linee จะห่างไกลจากอาการลิ้นเป็นฝ้าแล้ว ยังมีสุขภาพฟันขาว เหงือกแข็งแรง ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของเราทุกคนด้วยยังไงล่ะคะ