ในชีวิตคงมีหลายครั้งที่คุณต้องไว้อาลัยให้กับการจากไปของคนที่คุณรัก แต่ถ้าบอกว่า หากคุณดูแลสุชภาพช่องปากไม่ดี คุณอาจต้องไว้อาลัยให้กับฟันของคุณ อันเนื่องมาจาก “ฟันตาย” ไปอย่างไม่มีวันกลับมาล่ะ คุณจะเชื่อไหม ? ใช่ค่ะฟันคุณตายได้ แต่ฟันตายอย่างไร ตายเพราะอะไร รักษาได้เหมือนฟันผุหรือไม่ หาคำตอบไปพร้อมกันเลย
“ฟันตาย” คืออะไร ?
ฟันตาย (Dead Tooth หรือ Non-Vital Discoloration) หมายถึง การที่ฟันมีสภาพผิดปกติอันเนื่องมาจากเส้นประสาทฟันขาดเลือดมาหล่อเลี้ยง เพราะเกิดภาวะที่เลือดไม่สามารถไหลเวียนเข้าไปถึงเนื้อเยื่อภายในโพรงประสาทฟันที่เป็นแหล่งรวมเส้นประสาท และเส้นเลือดจำนวนมาก เมื่อเนื้อเยื่อขาดเลือดก็เท่ากับขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็นต่อการเลี้ยงเซลล์เนื้อเยื่อในฟันที่มากับเลือด ทำให้เซลลเนื้อเยื่อในฟันตาย ผลที่แสดงออกมาคือทำให้ฟันเปลี่ยนสี จากฟันขาวใสสุขภาพดี กลายเป็นขุ่นมัวไล่เฉดสีไปเป็นสีน้ำตาล เทา และดำ ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนว่าฟันกำลังอยู่ในสถานการณ์อันตราย ที่อาจเกิดอาการฟันตายในที่สุด
ฟันตาย มีอาการอย่างไรบ้าง ?
ถ้าหากคุณมีอาการดังต่อไปนี้ ขอให้คุณรีบไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการรักษาแต่เนิ่น ๆ
-
สีของฟัน
สีของฟันที่กำลังจะตาย จะผิดปกติจนสังเกตได้ เพราะสีฟันตายจะเปลี่ยนชัดเจน จากคนสุขภาพดีที่มีฟันขาวสะอาด กลายเป็นฟันเหลืองคล้ำ ไปจนกระทั่งสีดำ ตามแต่อาการหนักเบาของฟันผุที่เกิดขึ้นในโพรงประสาทฟัน และอาการของเส้นประสาทในฟัน
-
อาการปวดฟัน
ปวดฟันก็เป็นอีกสัญญาณเตือนให้ระวังฟันตาย บางคนอาจปวดไม่มาก แต่บางคนปวดฟันรุนแรง เมื่อบดเคี้ยวอาหารแล้วรู้สึกเจ็บระบมที่ฟัน โดยมีสาเหตุมาจากรากฟันอักเสบ และติดเชื้อ
-
กลิ่นลมหายใจเหม็น
การติดเชื้อในฟันอย่างหนักอาจส่งผลทำให้รู้สึกมีกลิ่นปากอย่างคาดไม่ถึง รวมถึงลมหายใจเหม็นผิดปกติ เพราะเนื้อเยื่อในฟันถูกทำลายจนส่งกลิ่นออกมา
-
การรับรสชาติผิดปกติ
ผลจากแบคทีเรียในช่องปาก และการอักเสบติดเชื้อ ส่งผลกระทบทำให้ต่อมรับรสในช่องปากทำงานผิดปกติ
-
มีอาการบวมรอบๆเหงือก
จากการติดเชื้อในฟัน ส่งผลกระทบทำให้เหงือกบวมแดง ติดเชื้อ โดยเห็นได้จากมีตุ่มแดง และเกิดหนองขึ้นที่เหงือก เมื่อมีอะไรกระทบที่เหงือกบริเวณรอบฟันซี่ที่ปัญหาจะรู้สึกเจ็บ
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ “ฟันตาย” คือ อะไร ?
- ปัญหาในช่องปาก ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพฟัน รวมถึงสุขภาพร่างกายโดยรวม ที่สามารถเป็นต้นเหตุให้เกิดฟันตายได้ เช่น
- ความสะอาดในช่องปากไม่ได้รับการดูแลอย่างดีสม่ำเสมอ ทำให้เกิดฟันผุ ซึ่งหากไม่ทำการรักษา หรือรักษาไม่ดี จะค่อย ๆ ทำให้เกิดฟันตายอย่างช้า ๆ
- ในช่องปากเกิดโรคปริทันต์อื่น ๆ เช่น โรคเหงือก ที่มีการติดเชื้อในฟัน แล้วมีการอักเสบอย่างรุนแรง
- มีฟันสบกันอย่างผิดปกติในช่องปาก เช่น ฟันซ้อน ฟันล้ม ฟันเก ทำให้ฟันซี่นั้นได้รับผลกระทบจากการใช้งานเป็นประจำเป็นเวลานาน ทำให้ภายในซี่ฟันเกิดความผิดปกติอย่างคาดไม่ถึง
- อุบัติเหตุ เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เกิดขึ้นได้ทุกเวลา และอาจส่งผลให้เจ็บปวดที่ฟัน ทำให้เกิดอาการฟันตายได้ทุกเมื่อ เช่น
- เกิดอุบัติเหตุ เช่น รถชนทำให้ปากและฟันกระทบกระเทือนรุนแรง หรือเหยียบเปลือกกล้วยแล้วลื่นล้มจนปากและฟันกระแทกพื้น เป็นต้น
- เล่นกีฬาอย่าง ฟุตบอล บาสเก็ตบอล วอลเล่ย์บอล แล้วโดนลูกบอลกระแทกใส่หน้า ฟันถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
- พฤติกรรม ที่ค่อนข้างสุ่มเสี่ยงของแต่ละคน เช่น
- ใช้ฟันเคี้ยวของแข็งหรือเหนียวเกินไปจนทำให้เกิดฟันแตกร้าวและติดเชื้อ
- นอนกัดฟัน หรือมีพฤติกรรมกัดฟันอันเนื่องมาจากความเครียด ทำให้ฟันบิ่น หรือแตกร้าวจนส่งผลให้เส้นประสาทและเส้นเลือดในฟันมีปัญหา
- ทะเลาะวิวาท แล้วโดนทำร้ายที่ปากทำให้ฟันบาดเจ็บ ทั้งหมดล้วนเป็นอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดอาการฟันตายได้ทั้งนั้น ซึ่งฟันตายอาจเกิดขึ้นได้ในไม่กี่วัน หรือทิ้งช่วงไปเป็นเดือน เป็นปี เมื่ออาการบาดเจ็บเรื้อรัง ค่อย ๆ รุนแรงขึ้น แล้วเกิดฟันตายในที่สุด
“ฟันตาย” รักษาได้หรือไม่ ?
การสะสมของเชื้อแบคทีเรียในช่องปากที่ทำให้ฟันมีปัญหา กลายเป้นฟันผุ แล้วลามไปสู่ฟันตาย แถมยังส่งผลต่อสุขภาพช่องปากด้านอื่น ๆ เช่น เหงือก และ กลิ่นปาก เป็นต้น โดยเมื่ออาการฟันผุหนักหน่วงจนก้าวสู่อาการฟันตาย หากถามว่ารักษาได้หรือไม่ ขอบอกว่า ฟันตายรักษาได้ ถ้าทำการรักษาทันท่วงที และรักษาถูกวิธี ฉะนั้นถ้าคุณไม่อยากให้เกิดฟันตายถาวร จะต้องหมั่นใส่ใจสุขภาพฟัน และนัดพบทันตแพทย์อยู่เสมอ เพราะหากทราบว่ามีสัญญาณเตือนว่าอาจเกิดฟันตายเร็ว ทันตแพทย์จะได้รักษา หรือแก้ไขได้ทันท่วงที ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
-
การรักษารากฟัน
เมื่อทันตแพทย์ตรวจอาการแล้วพบว่า วิธีการรักษารากฟันยังสามารถช่วยคุณรักษาฟันซี่ที่มีปัญหาได้ แม้จะไม่ 100 % แต่ก็เป็นการรักษาส่วนใหญ่เอาไว้ได้ โดยทันตแพทย์จะเริ่มจากการกรอฟันเพื่อเปิดฟัน แล้วใช้เครื่องมือขนาดเล็กในการกำจัดเนื้อฟันที่ติดเชื้อ และเนื้อเยื่อด้านในโพรงประสาทฟันที่มีปัญหา หลังจากนั้นก็ทำความสะอาดเพื่อกำจัดเชื้อโรคในซี่ฟันทั้งหมด เมื่อเสร็จแล้วทันตแทพย์จะทำการอุดฟันเพื่อปิดฟันชั่วคราว แล้วหลังจากนั้นจะนัดหมายมาตรวจเช็คอีกครั้งก่อนอุดปิดฟันแบบถาวร
แต่ในการรักษารากฟัน ส่วนใหญ่แล้วทันตแพทย์จะแนะนำให้ครอบฟันด้วยหลังการรักษารากฟันเสร็จแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะผลจากการที่เคลือบฟัน และผิวฟันถูกทำลายให้เสียหายอันเนื่องมาจากฟันผุก่อนที่จะทำให้เกิดฟันตาย ส่งผลให้ฟันซี่นั้น ๆ ไม่แข็งแรงเท่าฟันปกติ แต่จะเปราะบางและแตกหักได้ โดยเฉพาะกับฟันกรามที่ต้องใช้ในการบดเคี้ยวอาหาร
ที่ครอบฟันเป็นการทำมาเพื่อแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ โดยการหล่อขึ้นจากเบ้าฟันของคนที่ต้องครอบฟันเอง โดยทันตแพทย์จะใช้วัสดุบางประการที่ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองง่ายกับฟันเข้าไปในรากฟัน หลังจากนั้นจึงใส่ที่ครอบฟันที่ทำจากเบ้าหลอมของคน ๆ นั้นโดยเฉพาะลงบนฟันอย่างถาวร ซึ่งที่ครอบฟันนี้จะมีสีกลมกลืนไปกับเนื้อฟัน ทำให้สังเกตแทบไม่เห็นความแตกต่าง
แต่ในกรณีของคนที่ทันตแพทย์วินิจฉัยแล้วว่า ไม่จำเป็นต้องครอบฟัน สิ่งที่แนะนำให้ทำคือ การฟอกฟันขาว เพื่อปรับเปลี่ยนสีฟันที่เปลี่ยนเป็นหมองคล้ำไปจนถึงสีเทา สีดำ เนื่องจากอาการฟันตาย ให้กลับมามีสีฟันขาวสะอาดอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะฟันซี่ด้านหน้าที่เกี่ยวข้องกับบุคลิกภาพ และความมั่นใจของเจ้าของฟันด้วย และถ้าให้ดีกับฟันยิ่งขึ้นอาจลองปรึกษาทันแพทย์เพื่อทำการเคลือบฟันเพิ่มเติม เพื่อเสริมสุขภาพฟัน ซึ่งโดยทั่วไปการเคลือบฟันที่นิยมกันในปัจจุบันคือ เคลือบด้วยเซรามิค และการวีเนียร์
-
ถอนฟัน
ถ้าฟันตายแล้วทันตแพทย์วินิจฉัยว่า ไม่สามารถกู้คืนชีพขึ้นมาได้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อรักษาฟันซี่อื่น ๆ ไว้ก็คือ การถอนฟันตายออก แล้วใช้ฟันเทียม หรือฟันปลอมทดแทนฟันตายซี่ที่เสียไป หรืออาจใช้รากฟันเทียม และใส่สะพาน ซึ่งขั้นตอนหลังการถอนฟันจะทำแก้ไขอย่างไรให้กลับมามีฟันใช้ได้เหมือนเดิม แม้จะไม่ใช่ฟันแท้นั้น ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่ดีที่สุดสำหรับฟันของคุณ
ปวดฟันเนื่อ'จาก “ฟันตาย” แก้ไขเบื้องต้นด้วยตัวเอง ดังนี้
- ซื้อยาแก้อักเสบมารับประทาน เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ซึ่งเป็นยาแก้ปวด ต้านอาการอักเสบที่ไม่มีสเตียรอยด์ แต่ก่อนตัดสินใจควรปรึกษาเภสัชกรประจำร้านก่อน
- งดเว้น หรือหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่กรอบ แข็ง และเหนียว เพื่อลดการใช้ฟันในการบดเคี้ยวอาหาร ซึ่งจะทำให้ปวดฟันมากขึ้น และส่งผลทำให้เส้นประสาทฟันถูกกระทบกระเทือนมากขึ้น
- ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีอุณหภูมิร้อนจัด หรือเย็นจัด เพราะนอกจากส่งผลกระตุ้นความเจ็บปวดแล้ว ยังเสี่ยงต่อการทำให้ฟันติดเชื้อเพิ่มอีกด้วย
“ฟันตาย” ป้องกันได้แต่เนิ่น ๆ ด้วยการดูแลรักษาความสะอาดในช่องปากอย่างดี หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ฟันของคุณต้องทำงานบดเคี้ยวหนักเกินไป และลดเครื่องดื่มประเภท ชา กาแฟ แอลกอฮอลล์ รวมถึงอาหารประเภทกรด ที่ทำร้ายชั้นเคลือบฟัน และที่สำคัญที่สุดคือตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ เพียงเท่านี้คุณก็ลดความเสี่ยงที่จะต้องไว้อาลัยให้การจากไปถาวรของ “ฟันตาย” ได้แล้วล่ะค่ะ