อากาศเริ่มอบอ้าว ฝุ่น PM 2.5 ก็อยู่รอบตัวเรา ทำเอาชาว Linee ยิ้มกันไม่ค่อยออก เพราะแม้จะมีฟันขาวแข็งแรง แต่พอส่องกระจกแล้วเห็นเม็ด สิว ผุดขึ้นมาก็ทำให้หงุดหงิดหัวใจ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เพื่อทวงคืนรอยยิ้มมั่นใจแบบฟันขาว หน้าใส ให้ทุกคน วันนี้เราเลยขอชวนมาทำความรู้จักกับปัญหาสิว ๆ ว่า คืออะไร จะได้หาทางแก้ไขให้หายปวดหัวกันไงล่ะคะ
สิวคืออะไร ?
สิว (Acne / Pimple) คือ อาการทางผิวหนังชนิดหนึ่ง เมื่อเกิดเม็ดตุ่มขึ้นที่ชั้นผิวหนังบนร่างกาย โดยเฉพาะบนใบหน้า ตุ่มที่เกิดขึ้นเป็นไขมันที่อยู่ในชั้นผิว มีสาเหตุจากการที่ต่อมไขมันใต้ผิวหนังอุดตันหรือติดเชื้อ สิวมีหลายชนิด ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ และเกิดขึ้นได้กับคนทุกช่วงอายุ แต่คนในช่วงวัยรุ่นจะเกิดสิวได้มากกว่าช่วงอายุอื่น
“สิว” มีแบบไหนบ้าง?
สิวโดยทั่วไปแบ่งเป็น สิวอักเสบ และ สิวที่ไม่อักเสบ โดยสิวที่คนเป็นกันมาก คือ
- สิวฮอร์โมน คือสิวที่เกิดขึ้นเพราะฮอร์โมนในร่างกาย เกิดขึ้นมากในช่วงวัยรุ่น ที่อยู่ในระยะที่ร่างกายสร้างฮอร์โมนจำนวนมาก และมีระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงได้บ่อย ส่งผลให้ต่อมไขมันที่ผิวหนังผลิตไขมันออกมามากเกินไป เป็นสาเหตุให้รูขุมขนอุดตันได้
2. สิวอุดตัน คือ สิวชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูน เป็นไต ดันขึ้นมาจากใต้ผิวหนัง ไม่ทำให้อักเสบ แต่ในตุ่มสิวมีไขมันและสิ่งสกปรกอุดตันอยู่ พบได้มากในคนที่มีผิวมัน ขึ้นที่หน้าผาก และคางมากกว่าบริเวณอื่น โดยสิวอุดตันมี 2 ชนิดคือ
2.1 สิวหัวดำ คือสิวอุดตันแบบหัวเปิด เป็นตุ่มนูนที่ด้านบนมีรูเล็ก ๆ มองเห็นหัวสิวเป็นจุดสีดำที่เกิดจากสิ่งอุดตันในรูขุมขนทำปฏิกิริยากับออกซิเจนจนเปลี่ยนเป็นสีเข้ม
2.2 สิวหัวขาว คือสิวอุดตันหัวปิด เป็นตุ่มสิวเล็ก ๆ ไม่มีรูเปิดแต่เห็นจุดขาวขุ่นด้านบนของตุ่ม อักเสบง่าย รักษาได้ยาก และมีโอกาสติดเชื้อสูง
3. สิวอักเสบ คือสิวอุดตันที่ได้รับเชื้อแบคทีเรียแล้วเกิดการอักเสบ ตุ่มสิวมีลักษณะบวมแดง เจ็บระบม อาจมีหนองสีขาวบนหัวสิว ทำให้สิวมีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยสิวอักเสบที่เรารู้จักกันดีคือ สิวตุ่ม สิวหัวหนอง สิวหัวช้าง และสิวซีสต์
4. สิวเสี้ยน คือสิวอุดตันประเภทหนึ่ง มีความรุนแรงน้อย แต่กวนใจคนเป็นมาก เพราะรักษาไม่หาย สาเหตุไม่แน่ชัด เป็นลักษณะของไขมันที่รวมเข้ากับเส้นขน และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้มีการสะสมของสิ่งสกปรกจนกลายเป็นสิว เกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย พบได้มากบริเวณจมูก
5. สิวผด คือสิวเม็ดเล็ก ๆ ที่มีลักษณะคล้ายผดผื่น บางครั้งมีสีแดง และรู้สึกคัน เกิดขึ้นได้บ่อยบริเวณหน้าผากและแผ่นหลัง เมื่อเจออากาศร้อน และแสงแดดจะกำเริบ และอักเสบได้ง่าย เพราะสิวผดมีสาเหตุหลักมาจากความร้อน และแสงแดด รวมถึงมลภาวะรอบตัว ทำให้ต่อมเหงื่อมีปัญหา ระบายควาร้อนออกมาทางเหงื่อได้ไม่ดี และเกิดเป็นสิวผดขึ้น
สาเหตุที่ทำให้เกิด “สิว” คืออะไร ?
สิวแต่ละชนิดเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่โดยรวมแล้ว สาเหตหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดสิวมีดังนี้
- รูขุมขนอุดตัน จากสิ่งสกปรกบนใบหน้าที่มาจากสภาพแวดล้อม เครื่องสำอาง อาหาร ฯลฯ ผสมกับไขมันส่วนเกินจากต่อมไขมันไปสะสมที่รูขุมขน อุดตันจนทำให้รูขุมขนขาดออกซิเจน จนเกิดแบคทีเรีย ทำให้เกิดการอักเสบ ส่งผลให้ก้อนไขมันที่อุดตันรูขุมขนกลายเป็นสิวอักเสบ
2. ฮอร์โมน เป็นสาเหตุการเกิดสิวได้ โดยเฉพาะฮอร์โมน แอนโดรเจนที่เป็นตัวควบคุมการผลิตน้ำมัน มีในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ช่วงวัยรุ่นฮอร์โมนแอนโดรเจนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้คนเป็นสิวได้ง่าย ขณะที่ผู้หญิงเป็นสิวง่ายในช่วงมีประจำเดือนเนื่องมาจากฮอร์โมนแกว่งเช่นกัน
3. ความเครียด เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวได้ เพราะความเครียดทำให้ร่างกายผิดปกติ ฮอร์โมนเกิดการผันผวนจนเป็นสาเหตุให้เกิดสิว
4. กรรมพันธุ์ ทำให้ลักษณะผิวหนังแต่ละคนไม่เหมือนกัน มีต่อมไขมันและโครงสร้างผิวที่เสี่ยงต่อการเกิดสิวไม่เหมือนกัน ฉะนั้นในสภาวะเดียวกันแต่ละคนจึงมีโอกาสเกิดสิวได้ไม่เท่ากัน
5. ยา ในคนที่ป่วยหรือมีความจำเป็นต้องรับประทานยาบางชนิด เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์ ยาคุมกำเนิด ยากันชัก ฯลฯ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวได้
วิธีรักษา “สิว” ที่นิยมกัน คือ
- การใช้ยารักษา การรักษาสิวโดยทั่วไปมี 2 รูปแบบคือ การรักษาภายนอกหรือการใช้ยาทา และ การรักษาภายในหรือการรับประทานยา ส่วนจะต้องใช้การรักษารูปแบบใด หรือทั้งสองรูปแบบขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการเป็นสิว และการวินิจฉัยของแพทย์ ดังนี้
1.1 ยาภายนอก คือการใช้ยาที่มีสรรพคุณลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อ ลดรอยแดง รอยสิวให้จางลงได้ เพื่อรักษาสิว โดยยาบางตัวมีอนุพันธุ์ของวิตามินเอ บางตัวมีเป็นยาปฏิชีวนะ เป็นต้น
1.2 ยาภายใน คือการรับประทานเพื่อรักษาสิว มักเป็นยาปฏิชีวนะที่ช่วยฆ่าเชื้อ ลดการอักเสบของสิว ถ้าเป็นสิวเพราะฮอร์โมน อาจต้องรับประทานฮอร์โมนเอสโตรเจนร่วมด้วย
2. การกดสิว การกดสิวเป็นการรักษาสิวโดยใช้เครื่องมือกดให้หัวสิวหลุดออกมา เพื่อป้องกันการเกิดสิวอักเสบ ควรให้แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทำ เพราะหากทำไม่ถูกวิธีอาจเกิดการติดเชื้อขึ้นได้
3. การเลเซอร์สิว การใช้เลเซอร์รักษาสิวมีหลายชนิดเพื่อให้เหมาะกับปัญหาของคนไข้ เช่น เลเซอร์เพื่อรักษาสิวอักเสบรุนแรง เพื่อลดแบคทีเรีย ทำความสะอาดรูขุมขน หรือเพื่อลบรอยแดง เป็นต้น
4. ใช้ความเย็น คือ การรักษาสิวโดยเฉพาะสิวอุดตันด้วยความเย็น เพื่อลดการอักเสบ ทำให้สิวแห้งและยุบตัวลง
5. จี้ด้วยไฟฟ้า คือการใช้เครื่องจี้ไฟฟ้าจี้ไปที่เม็ดสิว เพื่อกำจัดให้สิวหลุดออกไป
6. การกรอผิว คือการใช้ผลึกคริสตัลชนิดพิเศษกรอผิวเพื่อกำจัดเม็ดสิวให้หลุดออกไป
7. การใช้แผ่นดูดสิว เป็นการรักษาที่สะดวกไม่แพ้การใช้ยาแต้มสิว เพียงแปะแผ่นดูดสิวก่อนนอน เมื่อตื่นเช้ามา เม็ดสิวและหนองในเม็ดสิวจะถูกดูดออกมา โดยแผ่นดูดสิวมี 3 ชนิด คือ
7.1 แผ่นดูดสิวแบบมียารักษา ช่วยฆ่าเชื้อ ลดการอักเสบ ทำให้สิวแห้ง เหมาะกับสิวอักเสบ
7.2 แผ่นดูดสิวแบบไม่มีตัวยา แต่มีช่วยในดูดหนองและความชื้นจากสิว ทำให้สิวยุบตัวลง เหมาะกับสิวหัวหนอง และสิวหัวขาว
7.3 แผ่นดูดสิวแบบช่วยละลายสิว มีลักษณะเป็นเข็มเล็ก ๆ เจาะผิวหนังบริเวณที่เป็นสิวเพื่อให้ตัวยาเข้าไปลดการอักเสบ ทำให้สิวแห้ง ใช้รักษาสิวหัวช้าง สิวซีสต์ ได้ดี
8. แผ่นลอกสิวเสี้ยน คือการใช้แผ่นแปะจมูกที่มีความเหนียวลอกเอาสิวเสี้ยนให้หลุดติดออกมาด้วย แต่ไม่ควรทำเกินสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
การดูแลผิวหน้าระหว่างเป็น “สิว”
1. งดอาหารประเภทของหวาน ของมัน และของทอด
2. รับประทานผักและผลไม้เพิ่มขึ้น และดื่มน้ำให้พอเพียง
3. งดการสครับหน้าเพราะเป็นการกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตไขมันเพิ่มขึ้น
4. เลี่ยงการใช้เครื่องสำอาง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นสิว
5. ทายารักษาสิว และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
6. หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า และอย่ากดสิวเอง เพราะเสี่ยงทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น
วิธีป้องกันหน้าใส ห่างไกล “สิว”
1. ล้างหน้าให้ถูกวิธี และใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายแบบ Gentle cleanser
2. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้เหมาะกับสภาพผิว และให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเป็นหลัก
3. ใช้เครื่องสำอางที่ไม่เป็นสาเหตุของสิว จะมีคำระบุไว้ว่า Non-acnegenic กับ Non-comedogenic
4. หมั่นดูแลทำความสะอาดสิ่งที่ต้องสัมผัสใบหน้า เช่น โทรศัพท์ อุปกรณ์แต่งหน้า หมอน ผ้าห่ม ฯลฯ
5. งดรับประทานของหวาน ของทอด ของมัน ที่กระตุ้นให้เกิดสิว แต่รับประทานผลไม้เพิ่มเพื่อบำรุงผิว
6. ดื่มน้ำและนอนหลับให้เพียงพอ
7. เลี่ยงความเครียด ทำจิตใจให้แจ่มใส เพื่อไม่ให้ฮอร์โนต้นเหตุสิวอย่างอะดรีนาลีนเพิ่มขึ้น
8. ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกนอกบ้าน โดยเลือกสูตรที่มีความมันน้อย มีค่า SPF 50 PA+++ หรือสูตรสำหรับคนเป็นสิว ผิวแพ้ง่าย
9. เลิกสูบบุหรี่ เป็นทางหนึ่งที่ทำให้ไม่เป็นสิว เพราะมีงานวิจัยบ่งชี้ว่า การสูบบุหรี่ทำให้ผิวหนังอ่อนแอ ป้องกันแบคทีเรียได้น้อยลง ทำให้เกิดสิวอุดตันขึ้นได้
เห็นการดูแลผิวหน้า และการป้องกันการเกิด “สิว” แล้วเชื่อว่าชาว Linee คงยิ้มกริ่ม เพราะส่วนใหญ่เป็นวิธีดูแลสุขภาพที่ส่งเสริมให้ฟันขาวแข็งแรง ห่างไกลฟันผุและฟันเหลือง เรียกว่า ถ้าทำตามคำแนะนำนี้ทุกคนคงยิ้มได้เต็มที่ เพราะมีฟันขาวบวกหน้าใส ๆ ให้มั่นใจกันยังไงล่ะคะ