ใคร ๆ อาจเดินเข้าเดินออกคลีนิกทันตกรรมบ่อยครั้ง แต่คนไม่มากนักที่จะเข้าใจถึงสิ่งที่เรียกว่า การรักษารากฟัน ที่แม้จะเคยได้ยินมาบ้าง แต่เราจะคุ้นเคยกับการไปหาทันตแพทย์เพื่อจัดฟัน อุดฟัน ถอนฟันคุด ฟอกฟัน แก้ปัญหาฟันเหลือง ฯลฯ ทั้งที่การรักษารากฟันเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่สาเหตุอะไรที่ทำให้ต้องรักษารากฟัน วันนี้ไขข้อข้องใจไปพร้อมกันค่ะ
การรักษารากฟัน คือ อะไร
การรักษารากฟัน ( Root canal treatment ) คือกระบวนการขจัดเนื้อเยื่อที่ถูกเชื้อโรคทำลายในโพรงประสาทฟัน แล้วทำความสะอาดให้ดี เพื่อทำการรักษาคลองรากฟันที่เกิดการอักเสบด้วยการทำความสะอาดแล้วอุดคลองรากฟัน แล้วซ่อมแซมฟันให้กลับมาแข็งแรง สวยงาม มีประสิทธิภาพในการใช้งานได้เป็นปกติ แม้การรักษารากฟันจะมีขั้นตอนยุ่งยาก แต่เป็นการรักษาฟันแท้ไว้ได้ โดยไม่ต้องถอนฟันแล้วใส่ฟันเทียมลงไป การมีฟันแท้ใช้บดเคี้ยวอาหารส่งผลดีทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข และเป็นธรรมชาติมากกว่า เพราะไม่ต้องมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในปาก
ผลกระทบเมื่อเกิดปัญหารากฟัน
เมื่อคลองรากฟัน หรือโพรงประสาทฟันมีปัญหา อาการเตือนที่เป็นผลกระทบจากปัญหานั้น ๆ ก็คือ
1.ปวดฟันโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดเป็น ๆ หาย ๆ หรือปวดเรื้อรังเป็นเวลานาน
2.เมื่อใช้ฟันบดเคี้ยวอาหารจะรู้สึกเจ็บ
3.รู้สึกเสียวฟันเมื่อดื่มเครื่องดื่มที่มีอุณหภูมิร้อน & เย็น หรือมีรสเปรี้ยวมาก ๆ
4.ฟันโยก ฟันหลวม ที่มีสาเหตุจากคลองรากฟันหรือโพรงประสาทฟันเกิดการติดเชื้อ
5.กรณีมีการติดเชื้อรุนแรง อาจส่งผลกระทบทำให้มีน้ำหนองไหลออกมาจากฟัน ฟันมีสีคล้ำ เหงือกบวม มีตุ่มหนอง กระทั่งหน้าบวมได้
สาเหตุที่ทำให้ต้องรักษารากฟัน คือ
- ฟันผุมาก ผุลึกถึงโพรงประสาทฟัน ผุเรื้อรังเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับการรักษา
- เกิดอุบัติเหตุทำให้ฟันได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง จนฟันโยก อักเสบ จนเกิดฟันตายกลายเป็นสีคล้ำ ดำ
- ฟันแตก เนื่องจากเหตุไม่คาดฝัน ใช้งานบดเคี้ยวที่หนักหน่วง เพราะเคี้ยวของเหนียวหรือแข็ง หรือเครียดจนนอนกัดฟัน เป็นต้น
- มีพฤติกรรมการทำร้ายฟัน เช่น ใช้ฟันผิดวัตถุประสงค์ กัด แทะ สิ่งต่าง ๆ อย่างรุนแรงจนอาจทำให้มีฟันร้าว และมีเชื้อโรคเข้าไปในโพรงประสาทฟันได้
- เป็นโรคเหงือก มีอาการติดเชื้อจากร่องเหงือก ส่งผลทำให้รากฟันอักเสบไปด้วย
- มีพฤติกรรมนอนกัดฟันรุนแรง หรือ กัดฟันไม่รู้ตัว บ่อย ๆ
การรักษารากฟัน มีวิธีการดังนี้
- รักษารากฟันด้วยการอุดคลองรากฟัน
เป็นวิธีรักษารากฟันเบื้องต้น เพื่อขจัดเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย และเชื้อโรคออกไปให้หมด แล้วทำการบูรณะให้ฟันกลับมาแข็งแรงดังเดิม ด้วยขั้นตอน ดังนี้
1.1 ทันตแพทย์ตรวจวินิจฉัยว่า โพรงประสาทฟัน และคลองรากฟันมีปัญหาต้องทำการ
1.2 ทำการตรวจดูว่าสามารถทำการครอบฟันได้หรือไม่ ถ้าไม่สามารถทำได้อาจส่งผลให้รักษารากฟันไม่ได้ เพราะการครอบฟันจะช่วยทำให้ตัวฟันไม่เกิดการแตกหักระหว่างทำการรักษารากฟัน
1.3 ทันตแพทย์จะตรวจวัดความยาวคลองรากฟันด้วยการเอกซเรย์
1.4 ทันตแพทย์จะฉีดยาชา และใช้ แผ่นยาง (Rubber dam) แยกฟันที่มีปัญหาออกจากฟันซี่อื่น
1.5 ทันตแพทย์จะกำจัดเนื้อเยื่อที่ถูกเชื้อโรคทำลายในโพรงประสาทฟัน และทำความสะอาดให้ทั่ว ทั้งในโพรงประสาทฟัน และใสยาในคลองรากฟัน
1.6 ปิดคลองรากฟันด้วยวัสดุอุดชั่วคราว เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
1.7 การรักษาครั้งที่ 2 เมื่อตรวจจนแน่ใจว่า โพรงประสาทฟัน และคลองรากฟัน ปราศจากเชื้อโรค จึงทำการอุดคลองรากฟันถาวร โดยทั่วไปใช้เวลา 2 - 3 สัปดาห์ก็หายเป็นปกติ
1.8 บางกรณีทันตแพทย์จะทำ เดือยฟัน (core build up) เพื่อใช้เป็นแกนกลาง เสริมความแข็งแรงในการทำครอบฟัน สาเหตุที่ต้องรักษารากฟันก่อนการครอบฟันเนื่องจาก การครอบฟันต้องมีการกรอฟัน มีโอกาสกระทบกระเทือนโพรงประสาทฟันได้ ฉะนั้นก่อนครอบฟันต้องรักษารากฟันให้เรียบร้อยก่อน
- รักษารากฟันด้วยการผ่าตัดปลายรากฟัน
การผ่าตัดรากฟันเป็นวิธีรักษาที่จะใช้ต่อเมื่อการรักษาเบื้องต้นไม่ได้ผล จึงจำเป็นต้องทำการผ่าตัดปลายรากฟัน โดยการผ่าตำแหน่งปลายรากฟันที่กำลังติดเชื้อ เป็นหนอง ซึ่งอาจมีการตัดปลายรากฟันบางส่วนออกไป ซึ่งในปัจจุบันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะมีการใช้กล้องจุลศัลยกรรมช่วยขยายการมองเห็นคลองรากฟันให้ชัดเจนขึ้น ทำให้การผ่าตัดไม่ยากเหมือนแต่ก่อน ทำให้การผ่าตัดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยหลังผ่าตัจะมีการอุดวัสดุพิเศษที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเข้าที่ปลายรากฟัน ช่วยให้ทดแทนเนื้อเยื่อรอยปลาทดแทนเนื้อเยื่อรอยปลายรากฟันที่ถูกทำลายไป
ข้อควรปฏิบัติภายหลังการ รักษารากฟัน มีดังนี้
- ภายหลังเข้ารับการรักษารากฟันไม่ควรรับประทานอาหารทันที แต่ควรงดอาหารจนกว่ายาชาจะหมดฤทธิ์
- ใช้งานฟันโดยเฉพาะฟันซี่ที่ทำการรักษารากฟันมาอย่างระมัดระวัง เพราะฟันซี่ที่ทำการรักษารากฟันยังอ่อนแออยู่ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ต้องบดเคี้ยวอย่างรุนแรง เพราะอาจทำให้ฟันร้าว แตกได้
- ถ้ามีอาการปวด บวม ภายหลังการรักษารากฟัน สามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้ แต่ถ้าไม่ขึ้นให้รีบไปพบทันตแพทย์
- ถ้าวัสดุอุดคลองรากฟันชั่วคราวหลุดออกมาให้รีบไปพบทันตแพทย์ทันทีเพื่อป้องกันเชื้อโรคในช่องปากเข้าคลองรากฟัน
- ควรไปพบทันตแพทย์ตามนัดขณะทำการรักษา เพื่อหลีกเลี่ยงการรักษาที่ล้มเหลว เพราะอาจจบที่โดนถอนฟันแทนก็ได้ แม้หลังจากจบการรักษาแล้วก็ควรไปตรวจฟันเป็นประจำทุก 6 เดือน หรือทุก 1 ปี
- หลังจากฟันกลับมาแข็งแรง มีประสิทธิภาพดังเดิม ควรดูแลสุขภาพฟันอย่างดีด้วยการแปรงฟันอย่างถูกวิธี และสม่ำเสมอ
- ใช้อุปกรณ์อุปกรณ์เสริมในการดูแลฟัน และสุขภาพช่องปาก เช่น ไหมขัดฟัน น้ำยาบ้วนปาก แปรงซอกฟันร่วมด้วย เพื่อสุขภาพฟันขาวแข็งแรง ไม่เกิดฟันเหลือง ฟันผุ และโรคในช่องปากอื่น ๆ ที่สร้างปัญหาให้รากฟัน
เรื่องควรรู้เกี่ยวกับ การรักษารากฟัน
วัสดุที่ใช้อุดคลองรากฟันเป็นแบบเดียวกับการที่ใช้อุดฟันผุหรือไม่ ?
ไม่ใช่ โดยทั่วไปวัสดุที่นิยมใช้อุดคลองรากฟันคือ กัตตาเปอร์ชา (Gutta percha) ซึ่งทำมาจากยางไม้ชนิดหนึ่ง มีคุณสมบัติพิเศษคือ ไม่ทำให้เนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟัน และปลายรากฟันเกิดการระคายเคือง มีลักษณะนิ่ม และอ่อนตัวด้วยความร้อน สามารถนำออกได้ด้วยการกรอโดยใช้ความร้อน หรือตัวทำละลายบางชนิด เช่น ตัวทำละลายที่เรียกว่า คลอโรฟอร์ม ( Chloroform) กัตตาเปอร์ชามีข้อเสียคือ ยึดติดผนังคลองรากฟันได้น้อย จึงจำเป็นต้องใช้ ซีลเลอร์ (Sealer) เป็นวัสดุช่วยปิดช่องว่างระหว่างวัสดุอุดคลองรากฟันกับผนังคลองรากฟัน เพื่อเพิ่มความแนบสนิท แต่การใช้ซีลเลอร์ต้องระมัดระวังเพราะเกิดการระคายเคืองได้
เคยรักษารากฟัน จ้ดฟันได้หรือไม่ ?
คนที่เคยรักษารากฟันสามารถจัดฟันได้ แต่ต้องให้กระบวนการรักษารากฟันเสร็จสิ้นก่อน และควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนการจัดฟัน
การรักษารากฟันมีความเสี่ยงอย่างไร ?
การรักษารากฟันมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผิวฟัน และเนื้อฟันเกิดความเสียหาย ได้ เพราะต้องมีการเจาะฟันเข้าไปในโพรงรากฟัน รวมทั้งในขั้นตอนการรักษารากฟันหากไม่ใช่ทันตแพทย์ชำนาญการในคลีนิกที่ได้มาตรฐานก็อาจเกิดการติดเชื้อขึ้นได้
การรักษารากฟัน ถึงแม้จะเป็นวิธีการที่ยุ่งยากและซับซ้อน แต่ก็มีข้อดีที่ทำให้สามารถเก็บรักษาฟันแท้ไว้ใช้งานได้อย่างยาวนาน และการรักษาจะได้ผลสำเร็จดีที่สุด หากเจ้าของฟันให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ในทุกขั้นตอนการรักษา แต่ทั้งนี้ วิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาสุขภาพฟันขาว และดูแลรากฟันให้แข็งแรงก็คือ การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากอย่างดี รวมถึงมาพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจสุขภาพฟันอย่างสม่ำเสมอ เพราะฟันแท้ไม่ใช่แค่เครื่องมือบดเคี้ยวตามธรรมชาติ แต่ ฟันแท้ที่ขาวแข็งแรง สร้างรอยยิ้ม ความมั่นใจ และพลังบวกให้เราได้อย่างไรล่ะคะ